โรคอีสุกอีใส คืออะไร อาการ การรักษา (Chickenpox)

โรคอีสุกอีใส (Chickenpox)

โรคอีสุกอีใส คืออะไร อาการ การรักษา (Chickenpox)

โรคอีสุกอีใส คืออะไร อาการ การรักษา (Chickenpox)

โรคอีสุกอีใส (Chickenpox) คืออะไร

โรคอีกสุกอีใส คืออะไร

โรคอีกสุกอีใส หรือไข้อีสุกอีใส คือโรคติดต่อและโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสที่ชื่อว่า วาริเซลลา ซอสเตอร์ ไวรัส (Varicella zoster virus หรือเรียกย่อๆว่า VZV) โรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือเป็นตุ่มน้ำพองใสขนาดเล็ก มีอาการคัน และแตกแห้งตกสะเก็ดในเวลาต่อมา ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วยได้ เช่น ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนใหญ่จะมีอาการประมาณ 5-7 วัน

สาเหตุของโรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใสเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า วาริเซลลา ซอสเตอร์ ไวรัส (Varicella zoster virus) หรืออีกชื่อคือ Human herpes virus type 3 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด โรคอีสุกอีใสถือเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง สามารถติดต่อกันได้หลายช่องทาง ดังนี้

การติดต่อของโรคอีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่สามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว และติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น

  • มีการสัมผัสกับการไอ จาม ของผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลผู้ป่วยสัมผัสกับตุ่มน้ำ หรือของเหลวภายในตุ่มน้ำนั้น
  • มีการสัมผัสกับสิ่งของที่ผู้ป่วยใช้ เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า เป็นต้น
  • มีการสัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วยโดยตรง

อาการของโรคอีสุกอีใส

อาการของโรคอีสุกอีใส ปกติจะมีอาการนำมาก่อนคือ มีอาการคล้ายไข้หวัด ไข้สูง ปวดหัว ไอ จาม และเจ็บคอ ซึ่งทำให้สับสนกับอาการไข้ที่เกิดจากไวรัสชนิดอื่นได้ หลังจากนั้น 1-2 วันจะมีผื่นปรากฏขึ้น และค่อยๆลามทั่วร่างกาย ผื่นจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ และแตกออกในเวลา 2 วัน จากนั้นผื่นจะตกสะเก็ด และจะค่อยๆดีขึ้น อาการที่พบบ่อยของโรคอีสุกอีใส ได้แก่

  • มีไข้ มีได้ทั้งแบบไข้สูงหรือไข้ต่ำๆ
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดท้อง
  • อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
  • เจ็บคอ
  • ผื่นแดงคันบริเวณผิวหนัง
  • ตุ่มน้ำใสขึ้นหลายตุ่มบริเวณผิวหนัง ซึ่งเป็นลักษณะรอยโรคของโรคอีสุกอีใส

การวินิจฉัยโรคอีสุกอีใส

โดยทั่วไปแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคอีสุกอีใสได้ จากการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยดูลักษณะของผื่นและตุ่มน้ำใสที่ผิวหนัง ยกเว้นในบางรายที่ผื่นหรืออาการมีลักษณะไม่ชัดเจน แพทย์อาจทำการเจาะถุงน้ำแล้วขูดเอาผิวหนังบริเวณนั้นไปย้อมส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการได้

การรักษาโรคอีสุกอีใส

  1. ถ้ามีอาการไข้ ให้เช็ดตัว ทานยาลดไข้พาราเซตามอล แต่ไม่ควรทานยาแอสไพริน เพราะอาจเกิดการแพ้ยาได้
  2. ทายาแก้คัน หรือกินยาบรรเทาอาการคันได้
  3. ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
  4. ตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการเกา ซึ่จะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  5. ในเด็กทารก เด็กโต และผู้ใหญ่ แพทย์จะพิจารณาการให้ยาต้านไวรัสร่วมด้วย เนื่องจากคนไข้กลุ่มนี้มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้
  6. ในผู้ใหญ่ ถ้าเป็นอีสุกอีใสให้รีบไปพบแพทย์ เพราะมียากินทำให้ลดจำนวนตุ่มได้ ถ้าเรากินเร็วทันเวลาจะทำให้หายเร็ว และโอกาสเกิดแผลเป็นจะลดต่ำลง
  7. ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบมาพบแพทย์ ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจเร็ว ไข้สูงไม่ลด ปวดศีรษะ ตุ่มเป็นหนอง เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอีสุกอีใส

โดยทั่วไปโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ถึงแม้จะติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วก็ตาม การรักษาโรคนี้มักหายได้ภายใน 7 – 10 วัน โดยความรุนแรงของโรคจะขึ้นกับอายุและสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยเป็นหลัก ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในโรคอีสุกอีใส ได้แก่

  • ตุ่มพุพองเป็นหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  • โรคปอดอักเสบ ปอดบวม
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
  • โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

นอกจากนี้เมื่อโรคอีสุกอีใสหายแล้ว เชื้อบางส่วนจะยังไม่หมดไป แต่จะแฝงตัวอยู่ตามปมประสาทต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณลำตัว เมื่อแก่ตัวลงหรือมีภูมิคุ้มกันลดลง จะก่อให้เกิดเป็นโรคงูสวัดตามมาได้

วิธีป้องกันโรคอีสุกอีใส

วิธีป้องกันโรคอีสุกอีใสคือ การไม่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งทำได้ค่อนข้างยากเพราะเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย นอกจากนั้นคือการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อให้ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโรค

ส่วนการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบันคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ซึ่งป้องกันโรคได้ถึง 90-95%  แต่ถ้าฉีดแล้วเป็นโรคซึ่งพบได้อีกประมาณ 2-10 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นไม่นาน หายไว และอาการจะไม่รุนแรง โดยเริ่มฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป

อนึ่ง เมื่อเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วมักมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคไปตลอดชีวิต และไม่ค่อยกลับมาเป็นโรคนี้อีก แต่มีโอกาสเกิดเป็นโรคงูสวัดในภายหลังได้

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคอีสุกอีใส

การดูแลตนเองและดูแลเด็กที่ป่วยด้วยโรคอีสุกอีใส สิ่งสำคัญที่สุดคือ แยกผู้ป่วยรวมทั้งของใช้ส่วนตัวต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ ช้อน ชาม ออกจากคนในบ้าน นอกจากนี้การดูแลตัวเองในเรื่องอื่นๆ ได้แก่

  • ตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการเกาจนเกิดเป็นแผลซึ่งจะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว
  • สามารถกินยาลดไข้พาราเซตามอลเมื่อมีไข้ได้ แต่ไม่ควรกินยาแอสไพริน
  • ทานยาฆ่าเชื้อไวรัสตามที่แพทย์สั่งจนหมด และไปตรวจตามนัดเพื่อดูว่าโรคสงบแล้วหรือยัง
  • ควรหยุดไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน จนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อของโรค เพื่อป้องกันการติดต่อของโรคอีสุกอีใสไปสู่คนอื่น

โรคอีสุกอีใส คืออะไร อาการ การรักษา (Chickenpox)

เกี่ยวกับเรา แอลซีคลินิก โรคผิวหนัง ผมร่วง ความงาม เลเซอร์

หมอชิน-หมอหลิว แอลซีคลินิก

ผู้แต่ง : นพ.ชินดนัย วิกรัยพัฒน์ และ พญ.ปัทมา ปาประโคน พบ.วท.ม.ตจวิทยา (ผิวหนัง)

(หมอชิน-หมอหลิว) แพทย์ผิวหนัง ประจำแอลซีคลินิก

เอกสารอ้างอิง

ฝากติดตามบทความดีๆเรื่อง โรคผิวหนัง ผมร่วง ผมบาง เล็บ สิว ฝ้า กระ เลเซอร์ และการผ่าตัดเล็ก ได้ที่คอลัมน์บทความนะครับ

◆ บทความที่เกี่ยวข้อง ◆

  1. โรคงูสวัด (Herpes Zoster)
  2. เริม โรคเริม (HERPES SIMPLEX)
  3. โรคตุ่มพุพอง (Impetigo) แผลพุพอง คืออะไร อาการ และการรักษา
  4. ผื่นจากแมลงกัด ตุ่มแพ้แมลงกัด (Insect bite reaction)
  5. โรคตุ่มน้ำใส ถุงน้ำที่ผิวหนัง (Vesiculobullous) คืออะไร สาเหตุ อาการ การรักษา

บทความโดยผู้เชี่ยวชาญ ◆


ติดต่อเรา ✿

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอลซีคลินิกทุกสาขา

Facebook : LC Clinic

Line id : lcclinic

Website : www.lcclinics.com

แอลซีคลินิก โรคทั่วไป โรคผิวหนัง ผมร่วง-ผมบาง เล็บ สิว ฝ้า กระ เลเซอร์ ผ่าตัดเล็ก

 

Posted in บทความ, บทความ โรคผิวหนัง and tagged , , , , , , , , , , , .